พิพิธภัณฑ์ออร์เซ
พิพิธภัณฑ์ออร์เซ่( Musee d'Orsay) เป็นพิพิธภัณฑ์ล่าสุดของฝรั่งเศส เป็นแหล่งรวบรวมศิลปะการตกแต่ง ประวัติศาสตร์ วรรณคดี เครื่องเรือน จิตรกรรม ภาพถ่าย รูปปั้น มีลักษณะผสมผสานระหว่างพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์และ ศูนย์วัฒนธรรมโบบูร์ก โดยปรับปรุงจากอาคารเก่า ของสถานีรถไฟออร์เซ่ย์ (Orsay) เดิม ประธานาธิบดี ฟร็องซัวส์ มิตเตอร็อง ( Francois Mitterand) ได้มาเป็นประธานในการเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ 1986 |
พระราชวังแวร์ซายส์ (Le Palais de Versailles) พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ อยู่ทางทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้าน ของชาวนา ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงเป็นนักล่าสัตว์ ได้มาพบ มีความพอพระทัย จึงสร้างเป็นสถานที่นัดพบ ในการล่าสัตว์ และได้มีการขยายออกไปทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งกลายมาเป็นปราสาท พระราชวัง และมีการเลี้ยง ฉลองกันเรื่อยมา ปัจจุบัน พระราชวังนี้เป็นสัญญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ ของศิลปะและราชสำนักฝรั่งเศส สถาปนิกและวิศวกรรวม รวมทั้งมัณฑนากรหลายคน เช่นเลอโว (Le Vau) ม็องสาร์ต (Mansart) การ์บรีล์ (Gabriel) เลอบรัง (Le Brun) เลอโน๊ต (Le Notre) เป็นต้น ต่างได้ช่วยกันก่อสร้างตกแต่ง จนได้รับ การยกย่องว่าเป็นพระราชวังที่งดงามมาก ภายในพระราชวังมีภาพวาด ภาพแกะสลักซึ่งแสดง ให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัย สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับอเมริกา ในปี ค.ศ 1783 แวร์ซายส์ นับเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันที่ก่อให้เกิด การปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1789 ต่อมา ในปี ค.ศ. 1815 พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ได้เปลี่ยนสภาพ พระราชวังแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และใช้เป็นสถานที่ ลงนามในสัญญาสงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่าง ฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919 นอกจากเครื่องประดับที่เก่าแก่ และสูงค่าแล้ว การจัดสวน ก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่างดงามยิ่งนัก เพราะมีการตกแต่ง ประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสวยงามมาก โดยเฉพาะ ตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนที่เป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ ปัจจุบันใช้เป็นที่ๆให้ผู้เข้าชมไปเดินเล่น พักผ่อน และมีม้าหิน ให้นั่งเล่นเป็นระยะๆ สิ่งที่ผู้เข้าชมพระราชวังอดจะชื่นชมไม่ได้ คือ น้ำพุ มีน้ำพุมากมายและสวยงาม มีชื่อตามเทพเจ้ากรีก และโรมันต่างๆ เช่น อพอลโล และลาโตน เป็นต้น
สัญลักษณ์อีกอย่างนึงของปารีส ปกติไฟที่ส่องประตูชัยเป็นสีส้ม แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เป็นวันกองทัพฝรั่งเศส ประตูก็เลยกลายเป็นสีน้ำเงิน แล้วตรงกลางมีธงชาติประดับ ประตูชัย (Arc de Triomphe) เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่สำคัญของปารีส สร้างขึ้นเพื่อเป็นการฉลองชัยในสงคราม สมัยพระเจ้านโปเลียน โบนาปาร์ต ภายใต้โค้งประตูมหึมานี้ มีอนุสรณ์รำลึกถึงทหารนิรนามที่พลีชีพในสงครามโลก โดยมีเปลวไฟที่ลุกอยู่ไม่มีวันดับ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้พลีชีพเหล่านั้น ประตูชัยนี้ เป็นศูนย์กลางของถนนถึง 12 สายที่มาบรรจบกัน หากมองจากมุมสูงจะเห็นเป็นเหมือนรูปดาว 12 แฉก บริเวณนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เอตวล (Etoile) ซึ่งแปลว่า ดวงดาว
.jpg)


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น