วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การดื่มไวน์ของชาวฝรั่งเศส


การดื่มไวน์ของชาวฝรั่งเศส 

             ในระยะสี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่มีประเทศ ไหนในโลกลดการบริโภคแอลกอฮอล์มากไปกว่าฝรั่งเศส  ในขณะที่การดื่มเบียร์และเหล้าค่อนข้างจะคงที่ การบริโภคไวน์ต่อหัวลดลงจากคนละ 20 ลิตรในปี 1962 เป็นคนละ 8 ลิตรในปี  ถ้านับเป็นแก้วแล้ว นั่นหมายความว่า เดี๋ยวนี้ คนฝรั่งเศสดื่มไวน์กันประมาณ 235 แก้วต่อคนต่อปี ลดลงจากเดิมที่เคยดื่มกันคนละ 425 แก้วต่อปี 
แล้วก็คาดกันว่ามันจะลดลงไปยิ่งขึ้นและโดยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต   เหตุผลสำาคัญสามประการที่การบริโภคไวน์ของฝรั่งเศสลดลงมีดังนี้ 

               เหตุผลหนึ่งที่การบริโภคไวน์ของฝรั่งเศสลดลงก็คือมื้ออาหาร ฝรั่งเศสเร่งรีบขึ้น   ในปี 1978 ชาวฝรั่งเศสใช้เวลา 82 นาทีกินอาหารมื้อหนึ่ง ๆ โดยเฉลี่ย   เวลาขนาดนั้นทำาให้คนกินมีเวลาเยอะแยะที่จะดื่มไวน์ได้ครึ่งขวดเสิร์ฟเลย ถ้าไม่ได้ดื่มทั้งขวดทุกวันนี้มื้ออาหารฝรั่งเศสใช้เวลาโดยเฉลี่ยลดลงเหลือแค่ 38 นาที – แล้วยังเป็นไปได้อีกมากกว่างที่ไหน ๆ ในยุโรปที่ว่ามื้อ อาหารนั้นจะมีเบอร์เกอร์และมันทอดของแมคโดนัลด์รวมอยู่ด้วย  ไวน์เป็นผู้รับเคราะห์จากการ ที่การกินอาหารเป็นมื้อสบาย ๆ หายไป  มันไม่ได้เป็นเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง แต่ที่การบริโภคไวน์ลดลงเป็นผลข้างเคียงของชีวิตที่ไม่อยู่นิ่ง สมัยใหม่ ขึ้น รวดเร็วขึ้นที่เกิดขึ้น หลังจากที่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลาหลาย ๆ ศตวรรษ ฝรั่งเศสก็กำาลังทันสมัยขึ้น และนิสัยความคุ้นเคยในโลกใบเก่าก็กำลังหลีกทางไป อย่างรวดเร็ว 


                 เหตุผลที่สองที่การบริโภคไวน์ของฝรั่งเศสลดลง ก็คือการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยระดับชาติ ซึ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหลักตามข้อมูลเมื่อปี 2004 มีการตาย เนื่องจากอุบัติเหตุการจราจรซึ่งมีแอลกอฮอลเกี่ยวข้องอยู่ด้วยประมาณ 10,000 รายต่อปีในสหภาพยุโรป   ในขณะที่สหรัฐอเมริกา เพิ่มอายุคนที่จะดื่มสุราได้ (ตามกฎหมาย) เป็น 21 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันว่าได้ช่วยชีวิตคนไว้เป็นหมื่น ๆ คน ฝรั่งเศสยังไม่ได้คิดอย่างจริงจังว่าจะเพิ่มอายุ คนที่ดื่มสุราได้ (ซึ่งในฝรั่งเศสคืออายุ) อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมได้กำาจัด พวกเมาแล้วขับในระยะหลาย ๆ ปีที่เพิ่งผ่านมานี้ และยังได้เริ่มดำาเนินการรณรงค์การให้ความรู้แก่ประชาชน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเตือนให้พวกเขารู้ถึงผลลัพธ์ของการขับ รถขณะที่เมาสุรา  บรรดาคนขับรถก็ให้ความใส่ใจเรื่องนี้อย่างมากขนาดที่บรรดาผู้ผลิตไวน์ที่ผลกำาไรของตนเองกำาลังลดลง ฮวบฮาบฟ้องร้องรัฐบาล – แล้วก็ดำาเนินการรุกต้านให้มีการจัดไวน์ให้อยู่ในประเภทอาหาร  ซึ่งถ้าทำาอย่างนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่จะกำาจัด (ไม่ต้องพิมพ์) คำาเตือนที่พิมพ์ไว้บนขวด ไวน์ได้แล้ว การโฆษณาไวน์ทางวิทยุและโทรทัศน์ก็จะไม่ต้องถูกควบคุมอีกต่อไป


               เหตุผลที่สามที่ชาวฝรั่งเศสดื่มไวน์น้อยลงก็คือการที่พวกเขาตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้น ในปี 2007 นิสัยสำคัญอย่างหนึ่งของ ชาวฝรั่งเศส ซึ่งคือการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะถูกห้าม เนื่องจากความกังวลเรื่องความเสี่ยงจากการได้รับควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบในทำานองเดียวกัน ความกังวลเรื่องผลลัพธ์ที่ร้ายแรงของการ ดื่มแอลกอฮอลที่มีต่อสุขภาพได้นำาไปสู่การบริโภคแอลกอฮอลที่ลดลงประมาณ ร้อยละ 70 ของชาวฝรั่งเศสปัจจุบันไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่  กล่าวโดยสรุป มีปัจจัยสองสามประการ แน่ ๆ ที่มีส่วนทำให้การบริโภคไวน์ของฝรั่งเศสมีแนวโน้มลดลง นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าฝรั่งเศสจะไปพึ่งพาคนรุ่นต่อไปให้ช่วย อุตสาหกรรมไวน์เอาไว้ก็ไม่ได้ เนื่องจากผู้อพยพที่มาฝรั่งเศสในทศวรรษหลัง ๆ นี้ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และมุสลิมที่ปฏิบัติตามหลักศาสนาก็จะไม่ดื่มแอลกอฮอลถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นละก็ ประชากรมุสลิมที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจจะทำาให้ปัญหายิ่งแย่หนักเข้าไปอีก และที่ดินซึ่งขณะนี้ใช้ทาไร่องุ่นอาจจะมีค่ามากขึ้นหากใช้ เป็นที่อยู่อาศัย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น