วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรอเน เดสการ์ตส์

เรอเน เดสการ์ตส์  


            เดส์การตส์เกิดที่ประเทศฝรั่งเศส เขาสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายในปี ค.ศ. 1616 แม้ว่าต่อมาเขาจะไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นนักกฎหมายแต่อย่างใด ในปี ค.ศ. 1618 เขาเริ่มทำงานให้กับเจ้าชายมัวริสแห่งนาซอ ผู้นำของกลุ่มจังหวัดของฮอลแลนด์ในขณะนั้น ด้วยความหวังว่าจะเอาดีในสายการทหาร และที่นั่นเองที่เขาได้พบกับ ไอแซค บีคแมน และได้แต่งเพลงชื่อว่า Compendium Musicae 

            ในปี ค.ศ. 1619 (พ.ศ. 2162) เขาได้เดินทางไปยังประเทศเยอรมนี และในวันที่ 10 พฤศจิกายน ในปีนี้เองที่เขาได้มองเห็นแนวคิดใหม่ของคณิตศาสตร์และระบบทางวิทยาศาสตร์ จากนั้นในปี ค.ศ. 1622 เขาได้เดินทางกลับไปยังฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1627 เดส์การตส์ได้อยู่ในเหตุการณ์ยึดเมืองลาโรแชล (La Rochelle) ที่นำโดยบาทหลวงรีชลีเยอ (Richelieu) 

            ในปี ค.ศ. 1628 เขาได้แต่ง Rules for the Direction of the Mind และได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นที่เขาพำนักอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1649 ในปี ค.ศ. 1629 เขาได้เริ่มงานเขียนชื่อ The World อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จัดพิมพ์ผลงานชิ้นนี้ เนื่องจากทราบข่าวการตัดสินคดีของกาลิเลโอที่มีขึ้นในปี ค.ศ. 1633 เขาได้ลูกสาวในปี ค.ศ. 1635 อย่างไรก็ตามเธอได้เสียชีวิตลงในอีก 5 ปีถัดมา

              เขาได้ตีพิมพ์ Discourse on Method, พร้อมด้วย Optics, Meteorology and Geometry ในปีค.ศ. 1637 จากนั้นในปี ค.ศ. 1641 (พ.ศ. 2184) หนังสือชื่อ การครุ่นคิดเกี่ยวกับปรัชญาที่หนึ่ง (Meditations on First Philosophy) ก็ได้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นพร้อมด้วยบทความรวมข้อโต้เถียงและคำตอบส่วนแรกที่มี 6 ชุด ในปี 1642 Meditations ฉบับพิมพ์ครั้งที่สองก็ได้รับการจัดพิมพ์พร้อมด้วยบทความรวมข้อโต้เถียงทั้งหมด 7 ชุด

              ในปี ค.ศ. 1643 ระบบคิดทางปรัชญาของเขาถูกประณามที่มหาวิทยาลัยแห่งอูเทรช และเขาได้เริ่มเขียนติดต่อกับพระนางเจ้าอลิซาเบทแห่งโบฮีเมีย (Princess Elizabeth) เดส์การตส์พิมพ์ Principles of Philosophy และเดินทางไปยังฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1644 และในปี ค.ศ. 1647 ได้รับรางวัลเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยพระราชาแห่งฝรั่งเศส หลังจากนั้นเขาก็ได้พิมพ์หนังสืออีกหลายเล่มเช่น Comments on a Certain Broadsheet The Description of the Human Body และ Conversation with Burman. ในปี ค.ศ. 1649 เขาได้เดินทางไปประเทศสวีเดน ภายใต้คำเชิญของพระนางเจ้าคริสตินา (Queen Christina) และในปีนั้นหนังสือ Passions of the Soul ที่อุติแด่พระนางเจ้าอลิซาเบทแห่งโบฮีเมียได้รับการจัดพิมพ์ขึ้น 

              เรอเน เดส์การตส์เสียชีวิตเนื่องจากนิวโมเนียในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1650 (พ.ศ. 2193) ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เนื่องจากเขาเป็นชาวแคทอลิกในประเทศโปรเตสแตนต์ ศพของเขาจึงถูกฝังที่สุสานสำหรับทารกที่ไม่ได้ผ่านพิธีรับศีล หลังจากนั้นศพของเขาบางส่วนถูกนำไปประกอบพิธีที่ฝรั่งเศส และในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสศพของเขาก็ถูกย้ายไปฝังที่พาเทนอลในปารีส ร่วมกับนักคิดชาวฝรั่งเศสผู้ยิ่งใหญ่ท่านอื่น ๆ เมืองเกิดของเขาได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น La Haye - Descartes ในปี ค.ศ. 1667 หลังจากที่เขาเสียชีวิต ศาสนจักรโรมันคาทอลิก ได้ใส่งานของเขาเข้าไปในรายการหนังสือต้องห้าม (Index of Prohibited Books) 

ปัญหาของเดส์การ์ตส์ 
ปัญหาสำคัญในปรัชญา คือขาดคำตอบที่แน่นอนชัดเจนซึ่งตรงกับตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากปรัชญาขาดพื้นฐานที่มั่นคงและมีข้อบกพร่องที่วิธีคิด วิธีคิดที่ถูกต้องนั่นเดส์การ์ตส์เห็นว่าคือวิธีคิคดแบบคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะวิธีของเรขาคณิต 

           เดส์การ์ตส์เชื่อมั่นว่า ความจริงหรือความรู้ทางปรัชญานั้นจะเข้าถึงได้ด้วยเหตุผล ซึ่งต้องสร้างขึ้นเป็นระบบ การศึกษาปรัชญาเป็นการศึกษาเพื่อให้เกิดความรอบรู้และสติปัญญา จะทำให้เรามีความคิดที่รอบคอบและมีความรู้ที่สมบรูณ์เกี่ยวกับสรรพสิ่ง คำว่าปรัชญา เดส์การ์ตส์ หมายความถึง อภิปรัชญาและฟิสิกส์ หรือปรัชญาธรรมชาติ อภิปรัชญาศึกษาความคิดที่ชัดแจ้ง เกี่ยวกับ จิตหรือตัวตน สำหรับฟิสิกส์นั้นศึกษาเพื่อหาหลักการที่จะอธิบายเรื่องวัตถุศึกษาโครงสร้างของโลกและธรรมชาติของสิ่งต่างๆ เขาเปรียบเทียบว่าปรัชญาเหมือนกับต้นไม้ อภิปรัชญาเปรียบได้กับราก ฟิสิกส์เปรียบเหมือนลำต้น เดส์การ์ตส์เน้นความสำคัญของวิธีการ และอภิปรัชญามากกว่าจริยศาสตร์ ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างรากและลำต้นที่แข็งแรงก่อน 

วิธีการของเดส์การ์ตส์ 
เดส์การ์ตส์เริ่มวิธีการของเขาด้วยความคิดที่ว่า เขาจำเป็นต้องหาจุดเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด โดยไม่เชื่อคำสอนของนักปรัชญารุ่นเก่า การจะเข้าถึงความรู้ที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ความคิดของเราต้องชัดเจนแจ่มแจ้งเป็นเบื้องต้น เดส์การ์ตส์เชื่อว่า โดยธรรมชาติจิตของเรามีอำนาจหรือสมรรถภาพสองอย่างคือ อัชฌัตติกญาณ และการอ้างเหตุผลแบบนิรนัย 

เดส์การ์ตส์ได้นำเอาวิธีการที่ใช่ในเรขาคณิตมาใช้ในวิธีการศึกษาปรัชญา คำว่าอัชฌัตติกญาณ เดส์การ์ตส์หมายถึง กิจกรรมทางปัญญาของจิตที่จะทำให้จิตเองเกิดความเข้าใจสิ่งใดๆ ได้อย่างชัดเจนในตัว

วิธีการนิรนัย เดส์การ์ตส์อธิบายว่า “เป็นการอนุมานจากข้อเท็จจริงที่เรารู้แล้วอย่างแน่นอน” จุดเริมต้นหรือข้อเสนอของวิธีการนิรนัยนั้นได้มาโดยอาศัยประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส เดส์การ์ตส์คิดว่า ประสาทสัมผัสให้ความรู้ที่สงสัยได้อาจเป็นสิ่งหลอกลวง เดส์การ์ตส์ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส

การสงสัยเชิงวิธีการ 
“ข้าพเจ้าคิดดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีอยู่” (I think, therefore I m) 

เดส์การ์ตส์ใช้การสงสัยเป็นจุดเริ่มต้นในการหาความรู้ที่แน่นอนทุกสิ่งทุกอย่างสงสัยได้ทั้งสิ้น สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราจินตนาการ ความสงสัย (doubt) นั่นเองเป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างแน่นอน เราสงสัยต่อสิ่งใดๆ เท่ากับเป็นการยืนยันว่าความสงสัยของเรามีอยู่ 

เกิดความสงสัยก็คือเราเกิดความคิด ความคิดก็ต้องมีผู้คิด แสดงว่าผู้คิดต้องมีอยู่ จึงสรุปได้ว่าเมื่อ “ข้าพเจ้าคิดดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีอยู่” (I think, therefore I m) ข้อความนี้เป็นความจริงที่ชัดเจนและแน่นอน คือเป็นมูลบทสำหรับนำไปพิสูจน์ความจริงอื่นๆ ต่อไป 

เดส์การ์ตส์แบ่งความคิดออกเป็น 3 ประเภท คือ
  1. ความคิดที่ได้จากประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส เป็นความคิดที่ไม่ชัดเจน น่าสงสัย
  2. ความคิดที่เกิดจากจินตนาการ ไม่ชัดเจนและน่าสงสัยเช่นกัน
  3. ความคิดที่ติดอยู่ในจิตตั้งแต่เกิด เป็นสิ่งที่จิตรู้ได้เองมีความชัดเจนในตัวและมีความแน่นอน
มาตรการตัดสินความจริง (Criterion of Truth) 
เดส์การ์ตส์อธิบายว่า สิ่งที่แจ่มแจ้งนั้น หมายถึงสิ่งซึ่งปรากฏอย่างชัดแจ้งต่อจิต และสิ่งที่ชัดเจน คือ สิ่งที่แน่นอนและแตกต่างจากสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด นี่เป็นมาตราการตัดสินความจริงของเดส์การ์ตส์ 

การพิสูจน์ความมีอยู่ของพระเจ้า 
เริ่มต้นจากการสำรวจความคิดต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในจิตของเรามีอยู่สามประเภทคือ ความคิดที่ติดตัวมาแต่เกิด ความคิดที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง และความคิดที่ได้มาจากวัตถุภายนอก ความคิดทั้งหลายนั้นย่อมมีสาเหตุที่ทำให้เกิด การคิดเกี่ยวกับพระเจ้านั้น เราจะคิดถึงพระองค์ในลักษณะเป็นสาร พระเจ้าเป็นสารที่ไร้ขอบเขตไม่สมบูรณ์เท่าพระเจ้า จึงเป็นไปไม่ได้ที่ความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าที่สมบูรณ์จะมาจากจินของเราเองที่ไม่สมบูรณ์ การคิดถึงสิ่งสมบูรณ์ย่อมมาจากสาเหตุที่สมบูรณ์กว่า นั่นคือมาจากพระเจ้านั่นเอง พระเจ้าจึงเป็นสาเหตุแห่งความคิดนี้ พระเจ้ามีอยู่จริง และเนื่องจากพระเจ้าเป็นอมตะมีอำนาจสูงสุด เป็นสัพพัญญู มีความดีสูงสุด 

ความมีอยู่ของโลกภายนอก 
เข้าได้ยืนยันแล้วว่า ตัวเราในฐานะที่เป็นสิ่งที่คิดและเป็นสิ่งที่ไม่กินที่ มีอยู่จริง และตัวเราก็สามารถมีความคิดที่ชัดเจน แจ่มแจ้งเกี่ยวกับร่างกายเราเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คิดและเป็นสิ่งกินที่ ดังนั้นร่างกายของเราจึงต้องมีอยู่จริง ถ้าเราคิดว่าวัตถุภายนอกตัวเราเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อหลอกลวงเรา ไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง ความคิดเช่นนี้ก็น่าจะผิด เพราะพระเจ้ามีแต่ความดี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกลวงเรา เมื่อเรารับรู้และเกิดความคิดเกี่ยวกับวัตถุนอกตัวเราอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ก็แสดงว่าต้องมีวัตถุที่เป็นสาเหตุแห่งการรับรู้หรือสาเหตุแห่งความคิดของเรา โลกของวัตถุภายนอกจึงมีอยู่อย่างเป็นอิสระจากจิตของเราแน่นอน 

ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับร่าง จิตกับร่างกายเป็นสารสองอย่างที่แตกต่างกัน จิตเป็นสิ่งไม่กินที่ สามารถคิดได้ มีความรู้สึก ร่างกายเป็นสิ่งกินที่ ไม่มีความรู้สึกนึกคิด ทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน สาเหตุทางร่างกายนอกจากจะมีผลกระทบต่อปรากฏการณ์ทางร่างกายด้วยกันแล้ว ยังมีผลกระทบต่อปรากฏการณ์ทางร่างกายด้วย คือ ทั้งจิตและร่างกายต่างก็ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน จุดที่ทำให้จิตกับร่างกายมีความสัมพันธ์กันหรือส่งผลกระทบถึงกันได้คือต่อมในสมองที่เรียกว่า pineal gland การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับร่างกายในลักษณะนี้เรียกว่าทฤษฎีกริยานิยม ซึ่งเป็นความคิดแบบทวินิยม




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น